Danny

DANNY COIN ถูกพัฒนาขึ้นจากการร่วมมือกันของนักพัฒนาชาวไทยและนักพัฒนาในระดับนานาชาติหลายท่าน ด้วยวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1. สร้างแพลตฟอร์มที่โปร่งใสและปลอดภัย: เรามุ่งมั่นที่จะสร้างระบบที่มีความปลอดภัยสูงสุดเพื่อให้ผู้ใช้งานและนักลงทุนสามารถมั่นใจในการทธุรกรรมและการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล 2. ส่งเสริมการเรียนรู้และการใช้งาน DeFi ด้วยการออกแบบระบบที่ใช้งานง่ายและมีการให้ความรู้แก่ผู้ใช้งาน เราตั้งใจให้ผู้ใช้งานเข้าใจและเข้าถึงโลกของการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ได้ง่ายขึ้น 3. เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้: เรามีเป้าหมายในการสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานและนักลงทุนสามารถสร้างรายได้จากการถือครองเหรียญคริปโตและการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายในแพลตฟอร์ม 4. เราสร้างความแข็งแกร่งและความหลากหลายในโลกของการเงินโดยผ่านแพลตฟอร์มและโครงการของเรา ซึ่งเราได้มีการพัฒนาขึ้นบนระบบสมาทคอนแทรค Smart Contract ระบบนี้ได้รับการยอบรับและได้รับการใว้ใจจากนักวิชาการ นักธุรกิจ และนักลงทุนทั่วโลก จำนวนมาก และก็มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นไปเรื่อยๆ จากสถิติทั่วโลก มีอัตราการเติบโตอย่างมากๆและรวดเร็ว เพราะระบบ smartcontract นั้นมีประโยชน์มากมาย Danny เป็นเทคโนโลยี web3 ที่รวมทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ เช่น Marketplace, Payment gateway, Decentralized exchange โดยส่วนย่อยของโครงการ Decentralized exchange ได้แก่ add pools, bridge token, Launchpad, NFTs, play2earn คุณสมบัติที่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาและปิดช่องว่างในโลกของการเงินนั่นก็คือความไม่โปร่งใสและความไม่น่าเชื่อถือด้วยระบบเดิมๆจากคนกลางที่ควบคุมและดูและกำกับการเงินของนักธุรกิจและนักลงทุน smartcontract นั้นมีกระบวนการทำงานที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ดังนี้ Smart Contracts หรือสัญญาอัจฉริยะ คือ โปรแกรมที่ทำงานบนบล็อกเชนและดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการเรียกใช้ ซึ่งมีประโยชน์หลายประการ ดังนี้ 1. ความโปร่งใสและปลอดภัย: ข้อมูลในสัญญาอัจฉริยะสามารถตรวจสอบได้บนบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และลดความเสี่ยงจากการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูล 2. เป็นระบบอัตโนมัติและไม่มีคนกลาง: สัญญาอัจฉริยะจะดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขที่กำหนดไว้ครบถ้วน ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาคนกลาง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความเร็วในการดำเนินการ 3. ความถูกต้องและลดความผิดพลาด: การทำงานของสัญญาอัจฉริยะเกิดขึ้นตามที่โปรแกรมกำหนด ทำให้ความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ลดลง 4. ประหยัดเวลาและต้นทุน: เนื่องจากการดำเนินการเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและไม่มีคนกลาง ทำให้ลดต้นทุนและเวลาที่ใช้ในกระบวนการต่างๆ 5. ความยืดหยุ่นและปรับใช้ได้หลากหลาย: สัญญาอัจฉริยะสามารถนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน การประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ โดยการกำหนดเงื่อนไขให้สอดคล้องกับการใช้งาน 6. ความน่าเชื่อถือและการปฏิบัติตามข้อตกลง: เนื่องจากเงื่อนไขถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สัญญาอัจฉริยะจึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างถูกต้อง โครงการของเราเลือกใช้ Smart Contracts ของ BNB Smart Chain (BSC) ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่พัฒนาโดย Binance ซึ่งมีคุณสมบัติและประโยชน์ดังนี้: ลักษณะของ BNB Smart Chain 1. ความเข้ากันได้กับ Ethereum: BSC ออกแบบให้เข้ากันได้กับ Ethereum Virtual Machine (EVM) ทำให้นักพัฒนาสามารถย้ายแอปพลิเคชันจาก Ethereum มาใช้งานบน BSC ได้ง่าย 2. ความเร็วในการทำธุรกรรมสูง: BSC ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof of Staked Authority (PoSA) ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดค่าธรรมเนียม 3. การสนับสนุน Smart Contracts: BSC รองรับการสร้างและใช้งานสัญญาอัจฉริยะ ช่วยให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (DApps) ได้หลากหลาย 4. การกระจายศูนย์: แม้ว่า BSC จะถูกพัฒนาโดย Binance แต่ยังคงมีการกระจายศูนย์ด้วยการใช้ตัวตรวจสอบความถูกต้องที่หลากหลาย ประโยชน์ของ BNB Smart Chain 1. ค่าธรรมเนียมต่ำ: การทำธุรกรรมบน BSC มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า Ethereum ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักพัฒนาและผู้ใช้ 2. ระบบนิเวศที่หลากหลาย: มีโปรเจกต์และ DApps จำนวนมากที่พัฒนาอยู่บน BSC เช่น การเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi), เกม, และ NFT 3. การสนับสนุนจาก Binance: BSC ได้รับการสนับสนุนจาก Binance ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้มีความเชื่อถือและมีสภาพคล่องสูง 4. ชุมชนและการพัฒนา: มีชุมชนผู้ใช้งานและนักพัฒนาที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ช่วยส่งเสริมการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ๆ บนเครือข่าย BNB Smart Chain จึงเป็นบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยมีความยืดหยุ่นในการพัฒนาแอปพลิเคชันและมีค่าธรรมเนียมที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ นอกจากนี้โครงการของเรา DANNY COIN เราได้พัฒนาการใช้งานและการทำงานไปในรูปแบบของ DeFi หรือ Decentralized Finance คือระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ที่ดำเนินการบนบล็อกเชน ซึ่งใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ในการจัดการธุรกรรมทางการเงินโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน ประโยชน์ของ DeFi ในโลกคริปโตมีดังนี้: 1. การเข้าถึงที่กว้างขวาง: ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคารหรือการตรวจสอบเครดิต 2. ความโปร่งใส: ข้อมูลและธุรกรรมทั้งหมดถูกบันทึกบนบล็อกเชน ทำให้สามารถตรวจสอบได้ง่ายและโปร่งใส 3. การควบคุมตนเอง: ผู้ใช้มีการควบคุมสินทรัพย์ของตนเองอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนกลางในการจัดการ 4. นวัตกรรมทางการเงิน: DeFi ช่วยให้เกิดการพัฒนาและเสนอผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ๆ เช่น การกู้ยืม การฝากเงินเพื่อรับดอกเบี้ย และการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล 5. ความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำ: การดำเนินการผ่านสัญญาอัจฉริยะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรม 6. โอกาสในการลงทุนและสร้างรายได้: ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น Yield Farming หรือการปล่อยกู้ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมจากสินทรัพย์ที่ถือครอง DeFi จึงเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาระบบการเงินในยุคดิจิทัล ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้บริการทางการเงินได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น DEX (Decentralized Exchange) คืออะไร ทําความเข้าใจการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอํานาจ (DEX) การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอํานาจ (DEX) เป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ทํางานบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้สัญญาอัจฉริยะ ซึ่งแตกต่างจากการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่พึ่งพาตัวกลางเพื่ออํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรม DEX เปิดใช้งานการซื้อขายแบบ peer-to-peer โดยตรงระหว่างผู้ใช้ โมเดล peer-to-peer นี้ช่วยลดความจําเป็นในการใช้ตัวกลาง เช่น กระเป๋าเงินดูแลหรือหน่วยงานส่วนกลาง ทําให้ผู้ใช้สามารถควบคุมทรัพย์สินของตนได้ดียิ่งขึ้น คุณสมบัติและหลักการที่สําคัญ Non-Custodial: DEX ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์ส่วนตัวและทรัพย์สินของตนได้ตลอดกระบวนการซื้อขาย สิ่งนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียสินทรัพย์เนื่องจากการแฮ็กหรือความล้มเหลวในการแลกเปลี่ยน การซื้อขายแบบ Peer-to-Peer: DEX เชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขายโดยตรง ทําให้พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาหน่วยงานส่วนกลาง ธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือ: DEX ใช้ประโยชน์จากสัญญาอัจฉริยะเพื่อชําระบัญชีการค้าและการโอนสินทรัพย์โดยอัตโนมัติ การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมจะดําเนินการโดยไม่จําเป็นต้องมีความไว้วางใจหรือพึ่งพาบุคคลที่สาม การเข้าถึงแบบประชาธิปไตย: DEX ส่วนใหญ่ทํางานบนเครือข่ายบล็อกเชนแบบเปิด ทําให้ทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและกระเป๋าเงินที่เข้ากันได้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมการซื้อขายได้ สิ่งนี้ส่งเสริมการไม่แบ่งแยกและขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน เมื่อระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลมีวิวัฒนาการ DEX มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสําคัญมากขึ้นในการเพิ่มอํานาจให้กับบุคคลและส่งเสริมอํานาจอธิปไตยทางการเงิน DEX Aggregator คืออะไร? DEX Aaggregator เป็นแพลตฟอร์มหรือโปรโตคอลที่รวมสภาพคล่องจากการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอํานาจ (DEX) หลายแห่งไว้ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้เดียว สิ่งนี้ทําให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นและราคาที่ดีกว่า โดยจะแยกและกําหนดเส้นทางคําสั่งซื้อของผู้ใช้โดยอัตโนมัติไปยัง DEX หลายแห่งเพื่อค้นหารูปแบบการกําหนดราคาและการดําเนินการที่แข่งขันได้มากที่สุด การใช้ตัวรวบรวม DEX สามารถลดความคลาดเคลื่อนและค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ํากว่าเมื่อเทียบกับการซื้อขายบน DEX เดียว ประโยชน์ของการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอํานาจ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ DEX เป็นแพลตฟอร์มที่กระจายอํานาจ ปลอดภัย และโปร่งใสสําหรับการซื้อขายแบบ peer-to-peer ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ประโยชน์หลักประการหนึ่งของ DEX คือการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่กําหนดให้ผู้ใช้ฝากสินทรัพย์ลงในกระเป๋าเงินดูแล DEX ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคีย์ส่วนตัวและทรัพย์สินของตนได้ ด้วย DEX ผู้ใช้มีความเป็นเจ้าของและรับผิดชอบอย่างเต็มที่สําหรับทรัพย์สินของตน ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถรักษาความปลอดภัยในระดับที่สูงขึ้นได้ ธุรกรรมที่โปร่งใสและไม่น่าเชื่อถือ ความโปร่งใสเป็นหลักการพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอํานาจ ทุกธุรกรรมที่ดําเนินการบน DEX จะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชนและทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ความโปร่งใสนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าประวัติการซื้อขาย สมุดคําสั่งซื้อ และการโต้ตอบกับสัญญาอัจฉริยะสามารถเข้าถึงได้แบบสาธารณะ ด้วยการใช้ประโยชน์จากสัญญาอัจฉริยะ DEX ช่วยให้สามารถทําธุรกรรมแบบไม่น่าเชื่อถือ ขจัดความจําเป็นในการใช้ตัวกลาง และทําให้มั่นใจได้ว่าการซื้อขายจะดําเนินการตามที่ตั้งโปรแกรมไว้ ค่าธรรมเนียมที่ต่ํากว่า เมื่อโต้ตอบกับ DEX ผู้ใช้โดยทั่วไปจะจ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมการทําธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครือข่ายบล็อกเชน เช่น ค่าธรรมเนียมก๊าซใน DEX ที่ใช้ Ethereum การลดค่าธรรมเนียมนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ค้าประจําหรือผู้ที่ทําธุรกรรมขนาดเล็ก เนื่องจากสามารถประหยัดต้นทุนการซื้อขายได้อย่างมาก การรวมทางการเงินและการเข้าถึง DEX ส่วนใหญ่ทํางานบนเครือข่ายบล็อกเชนแบบเปิด ทําให้ทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและกระเป๋าเงินที่เข้ากันได้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมการซื้อขายได้ สิ่งนี้ส่งเสริมการไม่แบ่งแยกและขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอํานาจให้ประโยชน์มากมายที่สอดคล้องกับหลักการหลักของสกุลเงินดิจิทัล การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ธุรกรรมที่โปร่งใสและไม่น่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียมที่ต่ํากว่า และการรวมทางการเงินเป็นข้อได้เปรียบหลักที่ DEX มอบให้กับผู้ใช้ ในขณะที่ระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการกระจายอํานาจกลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น DEX จึงคาดว่าจะมีบทบาทสําคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินแบบดั้งเดิมโดยการเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคคลและส่งเสริมสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่เท่าเทียมและโปร่งใสมากขึ้น https://dendex.io